คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (อังกฤษ: National Broadcasting and Telecommunication Commission) หรือ กสทช. (NBTC) เป็นหน่วยงานอิสระของรัฐ มีบทบาทหน้าที่ในการบริหารความถี่วิทยุเพื่อกิจการโทรคมนาคม และกำกับดูแลการประกอบกิจการโทรคมนาคม
กสทช.จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553
วิสัยทัศน์และนโยบาย
- แผนแม่บทกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2548 – 2550
- แผนแม่บทกิจการโทรคมนาคม ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2551 - 2553)
- แผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ (พ.ศ. 2555)
- แผนแม่บทกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2555-2559)
- แผนแม่บทกิจการโทรคมนาคม ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2555 -2559)
ประวัติ
พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช (รัชกาลที่ 5) หน้าอาคารสำนักงานใหญ่ กสทช.
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2426 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ การจัดตั้งกรมไปรษณีย์ขึ้น และในช่วงเวลาเดียวกันการสื่อสารทางโทรเลขเริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทย จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกรมโทรเลขขึ้นด้วย โดยได้รับช่วงงานโทรศัพท์จากกรมกลาโหม ต่อมากิจการไปรษณีย์และโทรเลขต้องอาศัยซึ่งกันและกัน มีความสอดคล้องกันอย่างใกล้ชิด ในปี พ.ศ. 2441 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมกรมทั้งสองเข้าด้วยกันเป็น กรมไปรษณีย์โทรเลข โดยมีสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีพระองค์แรก[5]
นับแต่นั้นมากิจการไปรษณีย์โทรเลขทั้งในและต่างประเทศได้เจริญพัฒนามาเป็นลำดับ ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางของการติดต่อสื่อสารทั่วราชอาณาจักร หลังจากที่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหภาพสากลไปรษณีย์ (UPU) และสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ทำให้มีการประสานงานเชื่อมต่อการให้บริการระหว่างประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยมีบริการหลัก 3 ด้าน ได้แก่ บริการไปรษณีย์ บริการการเงิน และบริการโทรคมนาคม โดยเฉพาะส่วนงานด้านโทรคมนาคมมีการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อใช้งานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี พ.ศ. 2475 มีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในกรมไปรษณีย์โทรเลข มีการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการสื่อสารหลายฉบับ มีการปรับองค์กรให้เหมาะสมกับสภาพการณ์หลายครั้ง และมีการแยกงานสำคัญ ๆ ออกไปจัดตั้งเป็นหน่วยบริการหลายหน่วย เพื่อให้หน่วยงานเหล่านั้นมีโอกาสพัฒนาสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับองค์กรและสนองตอบความต้องการของประชานชนได้อย่างเพียงพอ ได้แก่
ต่อมาเมื่อมีพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2519 จึงมีการแยกส่วนงานของกรมไปรษณีย์โทรเลขอีกครั้ง คือ
- งานระดับปฏิบัติการทางด้านไปรษณีย์และโทรคมนาคม แยกไปขึ้นอยู่กับรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นใหม่ คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย (บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ในปัจจุบัน) ซึ่งมีหน้าที่ให้บริการด้านการสื่อสารแก่สาธารณะ ทั้งบริการไปรษณีย์ โทรคมนาคม และบริการการเงิน
- กรมไปรษณีย์โทรเลขรับผิดชอบงานนโยบาย และมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 อันเกี่ยวข้องกับการบริหารคลื่นความถี่วิทยุ งานนโยบาย งานวิชาการ งานวิจัยพัฒนา และงานที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารในประเทศและระหว่างประเทศ
การเปลี่ยนแปลงกิจการ
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2543 การโอนกิจการไปสู่การเป็นคณะกรรมการทั้ง 2 องค์กร มีดังต่อไปนี้
- 19 มกราคม พ.ศ. 2545 หลังจากมีการประกาศใช้ พระราชกฤษฎีกา ยุบกรมไปรษณีย์โทรเลข กระทรวงคมนาคม พุทธศักราช 2545 แล้ว ดังนั้น กรมฯ จึงได้โอนถ่ายบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หนี้ หน้าที่ ความรับผิดชอบ การปฏิบัติงานทั้งหมด ไปเป็น สำนักงาน กทช. ส่วนในด้านกิจการไปรษณีย์ และเงินงบประมาณทั้งเงินเดือนและค่าจ้างของข้าราชการกับลูกจ้างซึ่งยังมีผลครอบครองอยู่ พร้อมกับกลุ่มบุคคลเดิม ไปเป็นหน้าที่ของ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม ในมาตรา 82, 83, 84
- ส่วนในด้านของกรมประชาสัมพันธ์ ได้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ งบประมาณ การปฏิบัติงานทั้งหมด ในส่วนของกองงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี ไปเป็น สำนักงาน กสช. ส่วนในด้านงบประมาณทั้งเงินเดือนและค่าจ้างของข้าราชการกับลูกจ้างซึ่งยังมีผลครอบครองอยู่ พร้อมกับกลุ่มบุคคลเดิม ให้ยังคงไว้กับกรมประชาสัมพันธ์อยู่เช่นเดิม ในมาตรา 85, 86
ทั้งนี้ กรมไปรษณีย์โทรเลข ถูกยุบเลิกไปเป็น กทช. ตามกฎหมายพระราชกฤษฎีกายุบกรมไปรษณีย์โทรเลข กระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2545 เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ก็ได้มีการโอนกิจการไปรษณีย์ พ้นจากกรมฯโดยทันที หลังวันเปลี่ยนผ่านไปสังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นต้น ส่วนงานด้านโทรเลข ก็ได้ดำเนินการจนถึงปี พ.ศ. 2551 โดยขึ้นกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
แต่ต่อมา พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มีการประกาศบังคับใช้ ทำให้มีการรวมคณะกรรมการทั้งสอง คือ กทช. และ กสช. ไปจัดตั้งใหม่เป็น กสทช. แทน ในวันที่ 20 ธันวาคม ปีเดียวกัน พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ทำให้สถานะของ กทช. ต้องยุติลง และจัดตั้ง กสทช. ขึ้นแทน
องค์กรและหน่วยงานในกำกับ
- สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ (อังกฤษ: Office of National Broadcasting and Telecommunications Commission) หรือ สำนักงาน กสทช. - เป็นหน่วยงานที่มีฐานะเป็นสำนักงานเลขานุการของ คณะกรรมการ กสทช. ที่มีชื่อเดิมคือ กรมไปรษณีย์โทรเลข และสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ตามลำดับ ซึ่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2543 บัญญัติให้มีการโอนกิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ หนี้ และงบประมาณของกรมไปรษณีย์โทรเลขไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(ชื่อในขณะนั้น) รวมทั้งข้าราชการและลูกจ้างของกรมไปรษณีย์โทรเลข ปัจจุบันสำนักงาน กสทช. มีเลขาธิการ กสทช. เป็นผู้บริหารสูงสุดที่รับผิดชอบการปฏิบัติงานของสำนักงาน และรายงานขึ้นตรงต่อ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ[8]
- สถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (อังกฤษ: Telecommunications Research and Industrial Development Institute) หรือ สพท. - จัดตั้งขึ้นโดย คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ให้เป็นหน่วยงานหนึ่งของสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตามภารกิจของอำนาจหน้าที่ในพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2543 มาตรา 51 (15) และ (16) กล่าวคือ การส่งเสริมการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ และการส่งเสริมสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ อุตสาหกรรมโทรคมนาคม และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง[9]
- สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (อังกฤษ: Telecommunications Consumer Protection Institute) หรือ สบท. - จัดตั้งขึ้นโดย กทช. ในปี พ.ศ. 2550 เพื่อดำเนินการต่าง ๆ ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคมตามแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ฉบับที่ 2[10]
- สถานีวิทยุ 1 ปณ. - เป็นสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ขึ้นตรงกับ สำนักงาน กสทช. ซึ่งมีสถานีวิทยุในบางจังหวัดของประเทศ สำหรับสถานีส่วนกลางที่กรุงเทพมหานครนั้น ส่งกระจายเสียงในระบบวีเอชเอฟ ภาค เอฟ เอ็ม ความถี่ 98.5 MHz และ 106.5 MHz ซึ่งสามารถส่งสัญญาณได้จนถึงปริมณฑล และบริเวณที่ใกล้เคียงแต่ในขณะนี้ทางสถานีฯได้ให้เอกชนเช่าคลื่นความถี่และสัมปทานอยู่
คณะกรรมการ
คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติมีทั้งหมด 7 คน ดำรงตำแหน่งได้วาระเดียวนาน 6 ปี ในวาระเริ่มแรกเมื่อครบกำหนดสามปี ให้กรรมการออกจากตำแหน่งจำนวนสามคนโดยวิธีจับสลาก
รายนามประธานกรรมการและคณะกรรมการในขณะนั้น
คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
- พลเอก ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ - อดีตประธานกรรมการ (24 สิงหาคม พ.ศ. 2547 - 28 กันยายน พ.ศ. 2550)
- ศาสตราจารย์ เศรษฐพร คูศรีพิทักษ์ (24 สิงหาคม พ.ศ. 2547 - 28 กันยายน พ.ศ. 2550)
- เหรียญชัย เรียววิไลสุข (24 สิงหาคม พ.ศ. 2547 - 28 กันยายน พ.ศ. 2550)
- ศาสตราจารย์ ประสิทธิ์ ประพิณมงคลการ (24 สิงหาคม พ.ศ. 2547 - 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553)
- สุชาติ สุชาติเวชภูมิ (24 สิงหาคม พ.ศ. 2547 - 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553)
- รองศาสตราจารย์ สุธรรม อยู่ในธรรม (24 สิงหาคม พ.ศ. 2547 - 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553)
- สุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร (ไม่มีข้อมูล - 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553)
- รองศาสตราจารย์ พนา ทองมีอาคม (ไม่มีข้อมูล - 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553)
- พันเอก นที ศุกลรัตน์ (ไม่มีข้อมูล - 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553)
- อาทร จันทวิมล (24 สิงหาคม พ.ศ. 2547 – 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549) - ลาออก
- บัณฑูร สุภัควณิช (24 สิงหาคม พ.ศ. 2547 - 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553)
คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ กสทช.[แก้]
คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ถึงวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554[11]
- ศาสตราจารย์ ประสิทธิ์ ประพิณมงคลการ
- สุชาติ สุชาติเวชภูมิ
- รองศาสตราจารย์ สุธรรม อยู่ในธรรม
- สุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร
- รองศาสตราจารย์ พนา ทองมีอาคม
- พันเอก นที ศุกลรัตน์
- บัณฑูร สุภัควณิช
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 กำหนดให้มีคณะกรรมการอีก 2 ชุด ภายใต้โครงสร้างของ กสทช. คือ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ทำหน้าที่ในการกำกับดูแลการกระกอบกิจการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดนั้น ให้แต่งตั้งจากคณะกรรมการ กสทช. โดยให้รองประธาน กสทช. คนหนึ่งทำหน้าที่ประธาน กสท. และรองประธาน กสทช. อีกคนหนึ่ง ทำหน้าที่ประธาน กทค. โดยให้กรรมการ กสทช. ที่มิได้เป็นประธานและรองประธาน กสทช. ที่เหลืออีก 8 คน ทำหน้าที่เป็นกรรมการ กสท. 4 คน และอีก 4 คน ทำหน้าที่กรรมการ กทค.
คณะกรรมการปัจจุบัน
ผู้บริหาร สำนักงาน กสทช.
- ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ
- ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ (สายงานยุทธศาสตร์และกิจการองค์กร)
- พลอากาศตรี ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รองเลขาธิการ (สายงานบริหารคลื่นความถี่และภูมิภาค)
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภักดี มะนะเวศ รองเลขาธิการ (สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์)
- ก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ (สายงานกิจการโทรคมนาคม)
- ทศพร เกตุอดิศร ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
- พิทยาพล จันทนะสาโร ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
- พากเพียร สุนทรสิต ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
- องอาจ เรืองรุ่งโสม ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
ประธานและกรรมการในอดีต
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติมีชื่อเรียกในอดีตว่าคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ต่อมาเมื่อมีการตรากฎหมายพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ขึ้นทูลเกล้าและโปรดเกล้าฯเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงโปรดให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติแทนคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติโดยให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อนเรียกว่าคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ลงวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553[12]
แนวข้อสอบ สำนักงาน กสทช. ทุกตำแหน่ง
http://xn--12cbz1brq8eybcdzb0ysd.blogspot.com/