รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติกระทำรัฐประหาร และยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ต่อมาในวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ซึ่งกำหนดให้มีคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 36 คน สรรหามาจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อร่างรัฐธรรมนูญถาวรฉบับใหม่ และกำหนดให้คณะกรรมมาธิการฯ ร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายใน 120 วันนับแต่วันที่ได้รับความเห็นหรือข้อเสนอแนะจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ วันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมมาธิการฯ ซึ่งมีบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน[1]
คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้ครอบคลุมต่าง ๆ ตามที่มาตรา 35 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนด ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เดิมมี 315 มาตรา[4] หลังจากได้รับข้อเสนอของสภาปฏิรูปแห่งชาติแล้วนั้น คณะกรรมมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้ปรับแก้เนื้อหาให้เหลือ 285 มาตรา[5] แต่ในวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558 สภาปฏิรูปแห่งชาติมีมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการฯ[2] ส่งผลให้สภาปฏิรูปแห่งชาติและคณะกรรมมาธิการฯ สิ้นสุดลงในวันนั้น
รัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 39/1 กำหนดว่า "ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่สภาปฏิรูปแห่งชาติและคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลง หรือนับแต่วันที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลง หรือนับแต่วันที่ร่างรัฐธรรมนูญเป็นอันตกไป ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วยประธานกรรมการคนหนึ่งและกรรมการอื่นอีกไม่เกินยี่สิบคน เพื่อทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง"[6]
ในวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 21 คนโดยมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน
รายนามคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ[แก้]
1. มีชัย ฤชุพันธุ์ (ประธาน)
2. กีระณา สุมาวงศ์
3. รองศาสตราจารย์ ดร. จุรี วิจิตรวาทการ
4. ศาสตราจารย์ ดร.ชาติชาย ณ เชียงใหม่
5. ธนาวัฒน์ สังข์ทอง
6. รองศาสตราจารย์ ธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย
7. เธียรชัย ณ นคร
8. นรชิต สิงหเสนี
9. พลเอก นิวัติ ศรีเพ็ญ
10. ปกรณ์ นิลประพันธ์
11. ประพันธ์ นัยโกวิท
12. ภัทระ คำพิทักษ์
13. ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์
14. พลตรี วิระ โรจนวาศ
15. ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ยาวะประภาษ
16. สุพจน์ ไข่มุกด์
17. ดร.อมร วาณิชวิวัฒน์
18. อภิชาต สุขัคคานนท์
19. ศาสตราจารย์ ดร.อุดม รัฐอมฤต
20. อัชพร จารุจินดา
21. พลเอก อัฏฐพร เจริญพานิช
เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ
29 มกราคม พ.ศ. 2559 คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญเบื้องต้นผ่านเว็บไซต์ของรัฐสภา
30 มีนาคม พ.ศ. 2559 หนังสือพิมพ์ สเตรดไทมส์ เขียนว่า ร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวจะให้คณะผู้ยึดอำนาจการปกครองมีอำนาจในรัฐสภาอีกห้าปี โดยจะได้แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 คน โดยสงวนหกที่นั่งไว้ให้ผู้บัญชาการทหารและตำรวจ นอกจากนี้ ในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ ยังมีบทเฉพาะกาลให้สภาผู้แทนราษฎรเลือกนายกรัฐมนตรีที่มิได้มาจากการเลือกตั้ง[8]
10 เมษายน พ.ศ. 2559 หนังสือพิมพ์ ประชาไท ลงว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวตัดสิทธิของบุคคลได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ "อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ" แต่กำหนดให้เป็น "หน้าที่ของรัฐ"
การลงประชามติ
ผลคะแนนร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยรายจังหวัด สีเหลืองเห็นชอบ สีน้ำเงินไม่เห็นชอบ
26 มีนาคม พ.ศ. 2559 นรชิต สิงหเสนี โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ แถลงว่าคณะกรรมการได้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีเนื้อหา 16 หมวด 279 มาตรา
29 มีนาคม พ.ศ. 2559 มีชัย ฤชุพันธุ์ แถลงข่าวเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับลงประชามติ) พ.ศ. 2559
7 เมษายน พ.ศ. 2559 สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. .... วาระ 2 และ 3 ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่มีพลเอก สมเจตน์ บุญถนอม เป็นประธาน โดยมีสาระสำคัญ คือ เปิดโอกาสให้แสดงความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญได้โดยไม่ปิดกั้น แต่ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย โดยใช้เวลาผ่าน 5 ชั่วโมง และไม่ใช้ลงคะแนนโดยใช้เครื่องลงคะแนน[10]
9 เมษายน พ.ศ. 2559 สภานิติบัญญัติแห่งชาติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ให้เพิ่มคำถามประชามติว่าจะให้รัฐสภาลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีใน 5 ปีหลังรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ได้หรือไม่
19 เมษายน พ.ศ. 2559 คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกาศกำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เป็นวันออกเสียงประชามติ
7 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญผลออกมาปรากฏว่าร่างรัฐธรรมนูญผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 15,562,027 คะแนนขณะที่คำถามพ่วงว่าด้วยการกำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาเลือกนายกรัฐมนตรีภายในระยะเวลา 5 ปีแรกผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 13,969,594 คะแนน
จากนั้น คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญนำร่างรัฐธรรมนูญไปปรับปรุงในบางมาตราและในบทเฉพาะกาลเพื่อให้เข้ากับคำถามพ่วงเป็นเวลา 30 วันหลังจากนั้นเมื่อปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นแล้วคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจะทำการส่งร่างกลับคืนนายกรัฐมนตรีให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้ทรงลงพระปรมาภิไธยในร่างรัฐธรรมนูญเพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
หลังจากนั้นทางคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจะได้ทำการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่สำคัญ 4 ฉบับจากทั้งหมด 10 ฉบับได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง โดยสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศจะได้ส่งความคิดเห็นไปยังคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อประกอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ จากนั้นจะได้ส่งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ฉบับ โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 8 เดือนหรือ 240 วัน จากนั้น สภานิติบัญญัติแห่งชาติจะได้ทำการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญอีก 6 ฉบับจนครบ 10 ฉบับเพื่อจะเข้าสู่การเลือกตั้งในช่วงปลายปี พ.ศ. 2560 หรือต้นปี พ.ศ. 2561
การประกาศใช้
ตามหมายกำหนดการ ที่ 9/2560 เรื่อง หมายกำหนดการพระราชพิธีประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งสำนักพระราชวังออกเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จออกจากพระที่นั่งอัมพรสถาน มายังพระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.00 น. และประทับพระราชอาสน์หน้าพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์เพื่อลงพระปรมาภิไธยในร่างรัฐธรรมนูญและประทับตราพระราชลัญจกร